การ
แกะรูปหนังตะลุงที่ใช้ในการแสดงนั้น
ช่างแกะหนังตะลุง ต้องใช้ ใช้ความรู้ความสามารถ
ความชำนาญซึ่งเป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่มีการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นเป็น
เวลายาวนานและจะต้องมีศิลปะ ความละเอียด ความประณีต มีใจรัก
มีจินตนาการที่ดี
ต้องศึกษาประวัติความเป็นมา
บุคลิกภาพของรูปตัวหนังตะลุงที่จะแกะว่ามีรูปแบบหน้าตา
เอกลักษณ์ของรูปหนังแต่ละตัวว่าเป็นอย่างไร
เพื่อที่จะได้แกะรูปภาพออกมาตามแบบตัวละครที่สวยงามและมีชีวิตชีวา
ตลอดทั้งความเชื่อในการแกะรูปหนังตะลุง
ที่เชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งได้ยึดถือกันตลอดมา
ทั้งนี้เพื่อให้เกิดสิริมงคลแก่ตนเองและคณะหนังตะลุง
ไม่ว่าจะอยู่ระหว่างการแกะรูปหนังตะลุงหรือการแสดงหนังตะลุงก็ตาม
ช่างแกะหนังตะลุงจะต้องตั้งจิตระลึกถึงครู อาจารย์และพระพิฆเณศวร์
ผู้ประสาทวิชาศิลป์
แล้วจรดปลายมีดแกะลงบนผืนหนังเพื่อจะแกะรูปหนังตะลุงตัวแรก
พร้อมกล่าวเป็นคาถาเบิกตา
เสร็จแล้วกล่าวคาถาเบิกปากรูป เป็นอันว่ารูปตัวต่อ ๆ ไปที่ทำในวันนั้น
ทำต่อไปได้ไม่ต้องว่าคาถาแล้ว แต่พอเริ่มวันใหม่ก็ต้องว่าคาถาเหมือนเดิมอีก
ช่างจึงสามารถถ่ายทอดภูมิปัญญาในการแกะรูปหนังตะลุงได้โดยสามารถสื่อให้เห็น
ถึงเอกลักษณ์และหัตลักษณ์เฉพาะตัวของรูปหนังตะลุงได้เป็นอย่างดี
ซึ่งรูปหนังตะลุง
แบ่งแยกออกเป็น 4
ชนิด คือ
1. รูปเรื่อง ได้แก่ รูปฤาษี รูปพระอิศวรหรือรูปพระอินทร์ทรงโค
รูปปรายหน้าบทและรูปบอกเรื่อง ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะ ดังนี้
1.1 รูป
ฤาษี ถือ เป็นรูปครูมีความขลังศักดิ์สิทธิ์ มีความเคร่งขรึม
ฤาษีที่อยู่ในเนื้อเรื่องของหนังตะลุงมักเป็นสิทธาจารย์
ผู้คงแก่เรียนทำนองเดียวกับฤาษีในวรรณกรรม มักเรียกว่า ฤาษีตาไฟ
ทรงวิทยาคุณอย่างพราหมณ์
และทรงคุณธรรมอย่างพุทธประสมประสานกันบทบาทดี่เด่นชัด ช่างแกะรูปหนังตะลุง
ต้องใช้ภูมิปัญญาในการแกะที่สามารถสื่อให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของรูปนี้ให้ได้
ซึ่งแต่ละช่างก็ไม่สามารถถ่ายทอดให้เหมือนกันได้ทุกคน
รูปฤาษีจะออกมาในลักษณะใดขึ้นอยู่กับความสามารถและจินตนาการของช่างนั้น
ๆ
1.2 รูปพระอิศวร(รูปโค) รูปพระอิศวรของหนังตะลุง เป็นรูปสำคัญตัวหนึ่งที่หนังตะลุงทุกคณะต้องเชิดตามขนบนิยมทุกครั้งที่มีการ
แสดง และเชิดเป็นตัวที่ 2 ต่อจากรูปฤาษี รูปพระอิศวร เป็นสื่อเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมหนังตะลุงกับคตินิยม
ตามลัทธิศาสนาพราหมณ์ลัทธิไศวนิกายที่ถือเอาพระศิวเทพเป็นใหญ่ในตรีมูรติ (พระศิวะ พระวิษณะ และพระพรหม) ซึ่งช่างต้องใช้ความสามารถในการสื่อให้เห็นภาพพจน์ของรูปลักษณะเช่นนี้ให้
เข้าใจได้ง่าย
1.3 รูปปรายหน้าบท ปรายหน้าบทถือว่าเป็นตัวแทนของนายหนัง ที่ช่างต้องใช้ภูมิปัญญาในการคิดที่จะถ่ายทอดให้ออกมาเป็นรูปชายหนุ่มที่สวย
งามมือถือธงหรือดอกบัว ใช้เชิดหลังจากพระอิศวรจบแล้ว เพื่อกล่าวบทไหว้ครูและปรารภเรื่องต่าง
ๆ กับผู้ชม
1.4 รูปบอก
เรื่อง เป็น
ตัวตลกตัวหนึ่งของคณะหนังแต่ละคณะเพื่อใช้ในการบอกเรื่องที่จะแสดง
ซึ่งรูปบอกเรื่องของนายหนังแต่ละคณะนั้นจะแตกต่างกัน เป็นรูปที่แกะแบบหยาบ ๆ
ง่าย
ๆ เอกลักษณ์ของตัวตลก เป็นการนำเอาคนในท้องถิ่นมาสรรสร้างขึ้นเพื่อล้อเลียน
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาที่สำคัญของช่างอีกประการหนึ่งที่สามารถสื่อออก
มาในลักษณะของการตลก ขบขันได้
2. รูปนุด ได้แก่รูปมนุษย์ชายหญิง รูปพระรูปนาง รูปเจ้าเมือง มเหสี
พระโอรสธิดา รูปพระเอก นางเอก โดยช่างต้องใช้ฝีมือในการแกะให้เหมือนจริงที่สุดและลงสีสันให้สวยงาม
3. รูปยักษ์ ได้แก่ ตัวแทนฝ่ายอธรรม รูปทาสา รูปทาสี ซึ่งไม่มียศศักดิ์
ยักษ์ ในหนังตะลุง มี 3 ประเภท คือ ยักษ์กินคน
มีความโหดร้ายอำมหิตโดยสันดาน ยักษ์ใจบุญสุทาน ร่างเป็นยักษ์แต่ใจเป็นมนุษย์ เดนยักษ์หรือยักษ์บ้า
เป็นยักษ์ป่า บ้า ๆ บอ ๆ ยักษ์ทั้ง 3 ประเภทนี้มีทั้งเพศหญิงและเพศชาย
ยักษ์ผู้เรียกว่ายักษา ยักษ์เมียเรียกว่ายักษี การแกะรูปยักษ์ช่างต้องสื่อให้เห็นถึงความขึงขัง
มีอำนาจและดุร้าย ทั้งรูปแบบของตัวหนังและการใช้สี ส่วนรูปทาสา
รูปทาสีที่ไม่มียศศักดิ์ ก็เป็นความสามารถของช่างเช่นกันที่สามารถสื่อออกมาให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของ
รูปหนังแต่ละตัวได้
4.รูปกาก
คือรูปตลกต่าง ๆ พูดจาหรือแสดงท่าทางขบขันเอาเนื้อหาสาระไม่ได้ บางตัวถือว่าเป็นตัวสำคัญสร้างชื่อเสียงให้หนังตะลุง
บางครั้งอาจจะจัดให้เป็นตัวศักดิ์สิทธิ์ของคณะนั้น ๆ รูปกากส่วนใหญ่จะเป็นรูปสีดำหรือสีดั้งเดิมที่นำมาแกะรูป
ไม่ค่อยมีลวดลาย แต่ก็เป็นภูมิปัญญาของช่างที่สามารถนำบุคคลในท้องถิ่นมาล้อเลียนเป็นตัวตลก
ของคณะหนังได้ ประกอบด้วยตัวตลกต่าง ๆ เช่น นายเท่ง นายหนูนุ้ย นายยอดทอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น